Thursday, April 7, 2016

วิตามินยู (U) คืออะไร ว่ากันว่าช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ได้ด้วย


         วิตามินยู สารอาหารที่ดีต่อระบบลำไส้ สมานแผลในกระเพาะอาหาร และยังพ่วงสรรพคุณต่าง ๆ มาอีกหลายอย่าง

         
          วิตามินยู คืออะไร ? หลายคนยังไม่เคยได้ยินชื่อ รวมถึงยังไม่เคยรู้จักมักจี่กับวิตามินยูที่ว่านี้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าเราเคยกินวิตามินยูกันมานับครั้งไม่ถ้วน โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าได้รับสารอาหารดี ๆ ที่ช่วยซ่อมเสริมระบบลำไส้ และดีท็อกซ์สารพิษจากร่างกายไปในคราวเดียวกัน


          วิตามินยู คืออะไร ?

         วิตามินยู (Vitamin U) หรือสารอาหารที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า เอส-เมทิลเมไธโอนีน S-methylmethionine (SMM) เป็นสารบำบัดธรรมชาติชนิดหนึ่งที่ช่วยซ่อมเสริมและรักษาปัญหาสุขภาพได้หลาย ประการ แถมยังเป็นสารที่พบได้มากในพืชผัก โดยเฉพาะในพืชประเภทกินดอกอย่างกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เป็นต้น


          ประโยชน์ของวิตามินยู 

          จากการวิจัยของคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่า วิตามินยูมีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ดีท็อกซ์ลำไส้ ทั้งยังช่วยลดภาระให้ตับจากการได้รับยาเกินขนาด โดยเฉพาะยาในกลุ่มอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) ซึ่งเป็นยาบรรเทาอาการปวดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
   
          นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.Garnett Cheney หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดยังเผยว่า จากการทดลองในหนู ทำให้พบว่าวิตามินยูก็มีสรรพคุณช่วยดีท็อกซ์สารพิษในตับได้อย่างมี ประสิทธิภาพอีกด้วย

          ทั้งนี้ยังมีงานวิจัยจาก Recommended Daily Allowance (RDA) เมื่อปี 2012 ที่ช่วยยืนยันว่า สรรพคุณของวิตามินยูสามารถบรรเทาอาการของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคกรดเกินในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการโรคเบาหวาน ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงอาการภูมิแพ้ โดยเฉพาะอาการแพ้ควันบุหรี่ แถมช่วยบำรุงผิวพรรณได้อีกต่างหาก



          วิตามินยู หาได้จากที่ไหนบ้าง


          แหล่งของวิตามินยูจะพบได้มากในพืชประเภทดอก เช่น ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี กะหล่ำม่วง กะหล่ำดาว แขนงกะหล่ำ บรอกโคลี หัวไชเท้า นอกจากนี้ยังพบวิตามินยูได้ในข้าวสาลี ผักโขม เคล มะเขือเทศ ผักชีฝรั่ง และผักใบเขียวอื่น ๆ

          อย่างไรก็ตาม งานวิจัยส่วนใหญ่จะใช้น้ำกะหล่ำปลีในการทดลองกับหนู ทว่านักวิจัยก็ให้ข้อมูลว่า การรับประทานพืชผักที่มีวิตามินยูเป็นประจำทุกวันก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ ต่างกันเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นสรรพคุณของวิตามินยูก็ยังครอบคลุมกับหนูทอดลองเท่านั้น ส่วนในคนยังคงต้องศึกษากันต่อไปนะคะ ส่วนเรากลับเห็นว่า การรับประทานผัก-ผลไม้ให้เยอะกว่าเนื้อสัตว์ ยังไงก็ดีต่อสุขภาพอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอนอยู่แล้ว ;)

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Stanford Medicine
wisegeek
Real Food Forager

http://health.kapook.com/view144142.html

No comments:

Post a Comment