Monday, November 10, 2014

18 พฤติกรรมสุดเริด ทำแล้วรับรองไม่ต้องกลัวป่วย




        รักสุขภาพตัวเองกันหรือเปล่า? ถ้ารักตัวเองก็ห้ามพลาด 18 พฤติกรรมสุขภาพดี ๆ ที่ทำแล้วรับรองว่าบอกลาอาการป่วยไปได้เลย

          สุขภาพ นับว่าเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญกันเป็นอันดับแรก เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับร่างกายของเรา ซึ่งถ้าหากเราปล่อยปละละเลย สิ่งที่จะตามก็คืออาการเจ็บป่วยที่ไม่จบสิ้น บางรายอาจถึงขั้นเป็นโรคร้ายแรง ต้องเสียเวลา เสียเงินเสียทองมากมายเพื่อทำการรักษา ซึ่งจริง ๆ แล้วการรักษาสุขภาพตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แค่ปรับพฤติกรรมบางอย่างตามที่เว็บไซต์ buzzfeed.com นำมาเล่าสู่กันฟัง เพียงแค่นี้ก็จะมีสุขภาพที่ดีได้แล้ว ใครอายุยังน้อยต้องรีบอ่าน รีบทำ เพราะเริ่มต้นเร็วมีชัยไปกว่าครึ่ง

 
 
นอนหลับวันละ 7 - 8 ชั่วโมง

          หนุ่มสาววัยรุ่นวัยทำงานส่วนใหญ่มักจะนอนดึกตื่นเช้าเป็นนิสัย อย่าคิดว่าพฤติกรรมนี้ไม่เป็นอันตรายนะคะ เพราะการศึกษาระยะยาวแสดงให้เห็นว่าคนที่มีเวลานอนหลับน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อวันจะมีความเสี่ยงเสียชีวิตได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาว ในขณะที่ก็มีการศึกษาบางส่วนพบว่าผู้ที่นอนหลับมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวันก็สามารถเกิดปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน ดังนั้น ดอกเตอร์ Timothy Morgenthaler แต่ประธานสถาบัน Academy of Sleep Medicine แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาจึงแนะนำว่าการนอนหลับ 7 - 8 ชั่วโมงต่อวัน เป็นการระยะเวลานอนหลับที่ดีที่สุด และเป็นระยะเวลาที่เพียงพอสำหรับทุก ๆ คน

 
ออกไปสูดอาการข้างนอกบ้าง

          มีการศึกษามากมายเปิดเผยให้เราได้ทราบถึงความสำคัญของการเป็นหนึ่งเดียวกับ ธรรมชาติของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น การศึกษาในปี 2009 ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Epidemiology & Community Health พบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับพื้นที่สีเขียวไม่เกินครึ่งไมล์ (ประมาณ 800 เมตร) จะมีสุขภาพที่ดีกว่าคนที่อยู่ไกลจากพื้นที่สีเขียว โดยผู้ที่อยู่ใกล้พื้นที่สีเขียวจะมีความวิตกกังวลและภาวะการติดเชื้อของระบบทางเดินอาหารน้อยลง นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมาย อย่างเช่น การได้รับอากาศที่สะอาดและสดชื่นกว่าค่ะ ฉะนั้นถ้าหากคุณไม่ได้มีที่อยู่ใกล้พื้นที่สีเขียวก็ควรจะแบ่งเวลาไปใช้กับการไปสวนสาธารณะสัปดาห์ละครั้งก็ดีนะคะ

 

มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

          การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง นอกจากจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธได้แล้วยังควบคุมอัตราการเกิดได้อีกด้วย ซึ่งมีการศึกษาพบว่าครอบครัวที่มีลูกในช่วงเวลาที่พร้อมจะมีความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้นมากกว่าครอบครัวที่มีลูกด้วยความไม่ตั้งใจ และส่งผลทำให้คนในครอบครัวที่มีลูกโดยไม่ตั้งใจจะมีความเสี่ยงโรคซึมเศร้ามากขึ้น รวมถึงอัตราการหย่าร้างจะสูงขึ้น นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และเด็กก็จะย่ำแย่ตามไปด้วย


ใช้เวลาว่างกับคนที่รักให้มากขึ้น

          มีการศึกษานับไม่ถ้วนพบว่าการที่่คุณมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนฝูง หรือความสัมพันธ์ในครอบครัว จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เมื่อเทียบกับผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ย่ำแย่ซึ่งจะมีปัญหาสุขภาพมากกว่า ถ้าไม่อยากให้สุขภาพจิตแย่และสุขภาพร่างกายไม่ดี กระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัวให้แน่นแฟ้นกันหน่อยดีกว่าเนอะ

 

ลด ละ เลี่ยง การสูบบุหรี่

          เชื่อหรือไม่ว่า คนที่สูบบุหรี่ติดต่อกันมาเป็นเวลานานจะอายุสั้นลง 10 ปี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะเพราะว่าข้อสรุปนี้นำมาจากการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์อย่าง the New England Journal of Medicine นอกจากนี้ยังพบว่าอีกการเลิกสูบบุหรี่ก่อนอายุ 35 จะสามารถลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ได้ ยิ่งเลิกไวก็ยิ่งทำให้อายุยืนยาวขึ้น สำหรับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ก็อย่าคิดไปลองเลยดีกว่าเนอะ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ติดบุหรี่อยู่รีบเลิกให้เร็วที่สุดจะดีกว่านะคะ


ทำอาหารเองที่บ้าน

          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ พบว่าผู้สูงอายุชาวไต้หวันที่ทำอาหารรับประทานเองที่บ้านจะมีอายุยืนยาว มากกว่าผู้ที่ไม่ค่อยทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน นั่นก็มีสาเหตุมาจากการทำอาหารเองนั้นจะทำให้เราสามารถเลือกวัตถุดิบที่มีประโยชน์กับร่างกายมากขึ้น และหลีกเลี่ยงเครื่องปรุงที่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย รวมทั้งควบควบคุมปริมาณอาหารทำให้ไม่ทานมากจนเกินไปได้อีกด้วย


รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น

          มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เปิดเผยผลการศึกษาครั้งสำคัญที่ว่าการรับประทานผักและผลไม้มาก ๆ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โดยเฉพาะผักใบเขียว และผักตระกูลกะหล่ำรวมทั้งผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งให้ผลดีกับสุขภาพหัวใจเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ

 
เลิกดื่มน้ำอัดลมทุกชนิด

          การดื่มน้ำอัดลมนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังส่งผลเสียกับร่างกายอีกมากมาย โดยมีการศึกษาพบว่าคนที่ดื่มน้ำอัดลม 1 - 2 ครั้งต่อวันจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ มีรอบเอวที่ใหญ่ขึ้น เป็นโรคอ้วน ยังไม่นับระดับกลูโคสที่จะแปรปรวน ความดันโลหิตสูง และระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงขึ้นด้วยอีกนะคะ โอ๊ย เยอะแยะไปหมด ฉะนั้นเลิกดื่มน้ำอัดลมกันดีกว่านะคะ รวมถึงน้ำอัดลมไดเอตด้วยนะ เพราะน้ำอัดลมประเภทนี้ก็ส่งผลเสียให้ร่างกายได้เช่นกัน ที่เห็นได้ชัดก็คือความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะสูงขึ้นเลยเชียวล่ะ


ดื่มน้ำให้มากขึ้น

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไตได้ และยังทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี และน้ำยังสำคัญกับการออกกำลังกายอีกด้วยค่ะ ฉะนั้นดื่มน้ำบ่อย ๆ นะ และควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วนะคะ และสำหรับคนที่ออกกำลังกายก็ควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้วค่ะ

 

นั่งให้น้อยลง ยืนให้มากขึ้น

          การนั่งติดต่อกันเป็นเวลานานไม่ใช่เรื่องดีต่อสุขภาพเลยค่ะ เพราะการนั่งนาน ๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานออฟฟิศจะทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้น้อยลง เป็นผลทำให้เกิดความเสี่ยงโรคอ้วน และโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจได้ค่ะ แต่การที่ยืนทำงานอย่างน้อย 7 นาทีครึ่งในทุก ๆ 1 ชั่วโมง จะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้นค่ะ


ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน

          ผู้ เชี่ยวชาญได้มีการแนะนำว่าการออกกำลังกายวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ และช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนและโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้ถ้าหากคุณออกกำลังกายทุกวันหลังจากผ่านความเครียดในการทำงานมา ก็จะช่วยทำให้อารมณ์ดีได้อีกด้วย มีประโยชน์ขนาดนี้แล้วเราจะรออะไรกันอยู่ ไปออกกำลังกายกันเถอะค่ะ


ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

          การตรวจสุขภาพเป็นประจำนอกจากจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าเรามีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถรับมือกับโรคภัยที่อาจจะมาเยือนได้ ซึ่งเราควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตามนัดทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพฟัน สุขภาพดวงตา หรือสุขภาพร่างกายโดยรวม อย่ามัวแต่กลัวหมอกลัวโรงพยาบาลกันอยู่เลยเนอะ

 

รับประทานยาปฏิชีวนะเมื่อจำเป็น

          รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันนี้เรารับประทานยาปฏิชีวนะกันอย่างพร่ำเพรื่อมากเกินไป โดยเฉพาะการรับประทานยาปฏิชีวนะในระหว่างที่เป็นไข้หวัด ซึ่งการรับประทานยาปฏิชีวนะมากเกินไปอาจจะทำให้เชื้อโรคบางชนิดเกิดการดื้อยาได้ และเมื่อถึงเวลาที่เราป่วยจริง ๆ ก็จะทำให้ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาโรคเหล่านั้นได้เนื่องจากอาการดื้อยาค่ะ รู้อย่างนี้แล้วก็ควรจะลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงนะคะ ใช้เท่าที่จำเป็นจะดีกว่าค่ะ


มีความสุขอยู่เสมอ

          การทำให้ตัวเองมีความสุขและมองโลกในแง่ดีมีผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวได้อย่างที่คาดไม่ถึง ซึ่งการศึกษาล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Applied Psychology: Health and Wellbeing ได้ยืนยันถึงข้อเท็จจริงนี้ ฉะนั้นเปลี่ยนมามองโลกในแง่ดีกันให้มากขึ้นดีกว่านะคะ จะได้มีความสุขกันมากขึ้นไงล่ะ

 
มีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ

          การศึกษานับไม่ถ้วนได้สนับสนุนว่าการมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ มีประโยชน์อย่างไม่น้อยโดยประโยชน์ที่เห็นอย่างชัดเจนก็คือช่วยลดความเครียด และช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน รวมถึงสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย อ๊ะ...แต่ข้อนี้สงวนให้กับคู่รักที่แต่งงานแล้วนะจ๊ะ และก็ควรจะมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่จะตามมาจากการไม่ระมัดระวังค่ะ

 

ดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอเหมาะ

          การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพโดยรวมของร่างกาย โดยเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม และการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักยังเป็น 1 ใน 10 สาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในช่วงอายุ 20-64 ปี อีกด้วย แต่ถ้าเรารู้จักดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอเหมาะก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและ หลอดเลือด รวมทั้งโรคเบาหวานลงได้ โดยผู้หญิงไม่ควรดื่มมากกว่าวันละ 1 แก้ว และผู้ชายไม่ควรดื่มมากกว่าวันละ 2 แก้ว แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรบอกลาแอลกอฮฮล์ไปเลย เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยในครรภ์


ทาครีมกันแดดทุกวัน

          หลาย ๆ คนไม่ชอบทาครีมกันแดดเลย เพราะรู้สึกเหนอะหนะ แถมยังเสียเวลาอีก แต่เชื่อเถอะค่ะว่าการทาครีมแดดทุกวันดีต่อร่างกายจริง ๆ นะ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าการใช้ครีมกันแดดจะช่วยชะลอไม่ให้ผิวพรรณดูแก่ก่อนวัยอีกด้วยค่ะ

 

รีบยุติความสัมพันธ์แย่ ๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

          เพราะชีวิตของเรานั้นสั้น จึงไม่ควรจะเสียเวลากับความสัมพันธ์แย่ ๆ ให้สุขภาพจิตเสีย ซึ่งความสัมพันธ์ที่ไม่ดีสามารถส่งผลกับสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายได้ โดยมีการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Health Psychology พบว่าผู้หญิงที่มีชีวิตแต่งงานที่ดีจะมีความเสี่ยงปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่าผู้หญิงที่มีชีวิตแต่งงานที่ไม่ค่อยดีเท่าไร

          นอกจากนี้การวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในสารทางการแพทย์ the Journal of the American Medical Association ยังพบว่า ผู้หญิงที่มีการแต่งงานที่เต็มไปด้วยความเครียดมีโอกาสจะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจมากกว่าผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ที่ดีถึง 2.9 เท่า และยังมีการศึกษาที่น่าตกใจจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอเปิดเผยอีกว่าความสัมพันธ์ แย่ ๆ จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลงอีกด้วยค่ะ ถ้าไม่อยากให้ร่างกายและจิตใจย่ำแย่ ควรจะรีบยุติความสัมพันธ์แย่ ๆ ลงซะนะคะ อย่างน้อยก็เพื่อตัวเองเนอะ

          พฤติกรรมที่นำมาบอกให้ทราบกันเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ยากเลยเนอะ แค่เพียงเราทำมันอย่างจริงจัง และทำอย่างสม่ำเสมอ แค่นี้ร่างกายของเราก็จะมีสุขภาพที่ดีแล้วล่ะค่ะ และถ้าอยากให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็อย่าลืมออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไปนะ จะได้ไม่ต้องมากังวลกับเรื่องเจ็บป่วยไงล่ะ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เครดิตภาพ  http://www.all-creatures.org/picb/wfshl-herbrobert.html

No comments:

Post a Comment