Monday, May 25, 2015

15 อาหารกินแล้วอี๋ มีกลิ่นตัว แบบนี้ต้องเลือกทานให้เป็น

อาหารที่กินแล้วมีทั้งกลิ่นปากและกลิ่นตัวเหม็นเฉ่า ๆ อิ่มแต่เสียบุคลิกอย่างนี้ต้องเลือกกินให้เป็น

เคยสังเกตตัวเองบ้างไหมว่าบางวันก็มีกลิ่นตัวเหม็นแปลก ๆ ทั้งที่ก็ใช้น้ำหอมขวดเดิมทุกวัน อีกทั้งยังไม่ได้ออกแดดหรือทำกิจกรรมเรียกเหงื่อเลยสักนิด เอ้า ! อาจเป็นเพราะคุณเผลอกินอาหารกลิ่นแรงที่กินแล้วพาให้มีกลิ่นตัว­­­เหล่านี้ เข้าแล้วล่ะ

1. เนื้อสัตว์สุก ๆ ดิบ ๆ

สเต็กย่างแบบแรร์และเนื้อสัตว์ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ทุกชนิดร่างกายย่อยยากจะตายไปนะคะ ดังนั้นเมื่อร่างกายย่อยอาหารเหล่านี้ไม่ค่อยได้ก็จะเกิดการหมั­­­กหมมของ แก๊สเน่าในกระเพาะ ส่งกลิ่นตุ ๆ ออกมาทางรูทวาร ปาก และเหงื่อนั่นเอง


2. อาหารสำเร็จรูปและอาหารขยะทุกชนิด

อาหารสำเร็จรูปและอาหารขยะทุกประเภท มักจะใช้วัตถุดิบที่ไม่มีคุ­­­ณภาพ เช่น มีน้ำตาลสูง มีสารสังเคราะห์ ใช้แป้งไม่ขัดสี และอาหารที่ผ่านกระบวนการทางเคมีทุกอย่าง เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้ไม่ได้เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติโดยตรง ร่างกายจึงค่อนข้างย่อยลำบากพอสมควร และก็เกิดปัญหาเดิม ๆ ค่ะ ลำไส้ย่อยไม่ได้ เกิดการหมักหมม ส่งกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกทางลมหายใจและเหงื่อ


3. อาหารที่มีกลิ่นฉุน

โดยเฉพาะเครื่องเทศอย่างกระเทียม หอม และยี่หร่า หากกินจำนวนมาก ๆ อาจทำให้ลมหายใจมีกลิ่นฉุนเหล่านี้ติดไปด้วย เนื่องจากระหว่างกระบวนการย่อย อาหารเหล่านี้จะผลิตแก๊สซัลเฟอร์ออกมา ส่งผลให้ออกซิเจนที่ไหลวนอยู่ในเลือดติดกลิ่นนี้ไปยังปอดและรูข­­­ุมขนนั่นเอง


4. อาหารไฟเบอร์สูง

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะว่าอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ๆ จะเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นตุในตัวเราได้เหมือนกัน โดยต้นเหตุก็คือ เหล่าแก๊สไฮโดรเจน, คาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สมีเทนในระหว่างที่ลำไส้ย่อยอาหารไฟเบอร์สูงนี่เอง ยิ่งเวลาตอนเรอหรือผายลมนะ เหลียวซ้ายแลขวาสักนิดให้มั่นใจว่าคุณอยู่ลำพังจริง ๆ ถึงค่อยปล่อยแก๊สเหล่านี้ออกมา ไม่งั้นมีหวังว่าคนข้าง ๆ จะสลบแน่นิ่งเพราะกลิ่นของเรา

 
5. อาหารไฟเบอร์ต่ำ

ให้ตายสิพับผ่า ! กินอาหารที่มีไฟเบอร์น้อยก็ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นด้วยล่ะ เนื่องจากไฟเบอร์ที่มีอยู่น้อยในลำไส้จะทำให้ขับถ่ายยาก อาหารที่กินเข้าไปแล้วหลายวันก็อาจตกค้างอยู่ในลำไส้ เกิดแก๊สมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์อีกแล้ว เวลาผายลมหรือขับถ่ายกลิ่นก็โอ๊ยเหม็นฆ่าคนได้อ่ะ

 
6. อาหารที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรต

สำหรับคนที่อยู่ในโปรแกรมงดแป้งหรือพยายามลดอาหารที่มีคาร์โบไฮ­­­เดรตจะเจอกับสภาวะลมหายใจเหม็นแน่นอน เพราะเมื่อร่างกายเลี่ยงแป้งเราก็จะกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์แล­­­ะไฟเบอร์มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงาน ซึ่งก็เหมือนกดดันให้ร่างกายปล่อยสารคีโตน (ketone) เข้าสู่กระแสเลือดไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นลมหายใจก็จะมีกลิ่นของสารนี้ปะปนอยู่ด้วย

7. นม
    
นมดีต่อสุขภาพถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม ทว่าหากกินนมมากเกินไปร่างกายจะสะสมแบคทีเรียจากนมในช่องท้อง ก่อให้เกิดแก๊สกำมะถันประเภทสารเมทิลเมอร์แคพเทน (Methyl Mercaptan) และไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen Sulfide) ก่อให้เกิดลมหายใจเหม็นและแก๊สกลิ่นตุในกระเพาะอาหาร
 
8. หมากฝรั่ง

สงสัยไหมคะว่าทำไมหมากฝรั่งที่มี สรรพคุณช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่­­­นกลับมาเป็นตัวการทำให้เกิดลมหายใจเหม็น ๆ ได้ซะอย่างนั้น ซึ่งเหตุผลที่แท้จริง คือ หมากฝรั่งประเภทโลว์ ชูการ์ หรือมีสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลจะย่อยยากในร่างกายเรา ดังนั้นก็เกิดการหมักหมมจนเป็นแก๊สกลิ่นเหม็นในที่สุด


9. ถั่วและพืชชนิดฝัก

ถั่วและพืชชนิดฝักทุกชนิดมีแก๊สกลิ่นแรงในตัวอยู่แล้ว เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำตาลที่เรียกว่า โอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharide) และเป็นต้นเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นทางลมหายใจและหลอดเลือด

10. ไข่ไก่และเครื่องในสัตว์

อาหารเหล่านี้มีโคลีน (choline) สูง ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยโคลีนได้โดยง่าย ดังนั้นจึงทำให้เกิดแก๊สกลิ่นตุจากการหมักหมมในลำไส้ ส่งกลิ่นออกมาทางลมหายใจ ลมที่ผายออกมา และอุจจาระก็จะเหม็นมาก


11. อาหารประเภทอบและอาหารทอด

อาหารที่ผ่านกระบวนการอบและทอดจะมีน้ำมันผสมอยู่ และน้ำมันเหล่านี้สามารถกลายเป็นกลิ่นเหม็นหืนได้ง่าย ๆ คราวนี้ก็ปนเปื้อนอยู่ในเลือด ปอด และลำไส้ เหม็นหืนไปทั้งเนื้อทั้งตัว

12. กาแฟ

กาแฟมีความเป็นกรดมากกว่ากรดในน้ำลายเราซะอีกนะคะ ดังนั้นน้ำลายจึงไม่สามารถชะล้างกลิ่นแรงของเมล็ดกาแฟได้ กลิ่นกาแฟจึงติดแน่นติดนานอยู่ในลมหายใจเรายังไงล่ะ


13. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เมาแอ๋ตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นเช้ามาจะได้กลิ่นละมุดเหม็นฉึ่งเต็มต­ัวเลยเชียวนะ เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารที่ซึมเข้าสู่เลือดได้เร็วมาก ยิ่งกินเยอะก็ยิ่งทวีความรุนแรงของกลิ่นมากขึ้น ชนิดที่เรียกว่าร่างกายสร่างเมาแล้วแต่กลิ่นเหล้ายังไม่จางหายไ­­­ปง่าย ๆ เลยทีเดียว

14. หน่อไม้ฝรั่ง

ในระหว่างกระบวนการย่อยหน่อไม้ฝรั่งจะเกิดแก๊สซัลเฟอร์ออกมา ส่งผลให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นเขียวอย่างรุนแรง และแม้จะกดชักโครกเรียบร้อยแล้วกลิ่นเหม็นเขียวก็อาจจะตามมาหลอ­­­กหลอนได้ อีกสักพัก ฉะนั้นหากกินหน่อไม้ฝรั่งเข้าไปก็พยายามหาห้องน้ำที่เงียบสงบไม­­­่ค่อยมีคน เข้าดีกว่า กลิ่นเหม็นเขียวในปัสสาวะจะได้ไม่เป็นภาระใคร

15. ผักชนิดหัว

ทั้งบรอกโคลี กะหล่ำ และผักชนิดหัวทั้งหลายเป็นผักที่อุดมไปด้วยซัลเฟอร์ ซึ่งแม้จะช่วยขับสารพิษและมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง แต่กลิ่นของผักเหล่านี้ช่างเหม็นเขียวหนักมาก จนเป็นเหตุให้มีกลิ่นเหม็นเขียวติดปากติดตัวเราไปด้วย


          รู้ กันแล้วว่าอาหารชนิดไหนเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นแปลก ๆ ในตัวเราได้บ้าง ดังนั้นต่อจากนี้ไปก็พยายามกินแต่พอประมาณ หรืออาหารบางอย่างที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลี่ยงให้ไกลได้เลยยิ่งดี

แหล่งที่มา  http://health.kapook.com/view119543.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment