Thursday, March 12, 2015

กลเม็ด 12 วิธีเลิกติดน้ำอัดลม ไม่อยากสุขภาพพังเลิกซะ



         ติดน้ำอัดลมแต่อยากเลิกทำไงดี ? มาดู 12 วิธีเลิกติดน้ำอัดลมแบบง่าย ๆ ที่ทำแล้ว จะไม่มีวันไปติดน้ำอัดลมอีกแน่นอน 
 

          เราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าน้ำอัดลมไม่ดีต่อสุขภาพ การดื่มน้ำอัดลมนั้นนอกจากจะทำให้เราได้รับน้ำตาลมากเกินไปแล้ว ก็ยังมีบทวิจัยออกมาชี้ว่าน้ำอัดลมทำให้อายุสั้นลงได้อีกด้วย แต่จะให้เลิกแบบหักดิบกันไปเลยคงทรมานกันน่าดู แต่ถ้าดื่มต่อไปก็คงจะรังแต่ทำให้เสียสุขภาพ ถ้าอย่างนั้นห้ามพลาดวิธีการเลิกน้ำอัดลมที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองซึ่ง เว็บไซต์ Health  หยิบยกมาแนะนำให้เราได้ทราบกันค่ะ ไม่อยากอ้วน และเสี่ยงโรคเบาหวานก็ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะ จะได้เลิกติดน้ำอัดลมกันสักทีไงล่ะจ๊ะ
 

 1. ค่อย ๆ เลิก

          แม้ว่าผลเสียที่มาจากการดื่มน้ำอัดลมจะมีมากพอให้รีบเลิกดื่มน้ำอัดลม แต่การเลิกดื่มน้ำอัดลมในทันทีไม่ใช่วิธีที่จะได้ผลในระยะยาว การค่อย ๆ ลดปริมาณในการดื่มต่างหากที่จะให้ผลดีในระยะยาว และทำให้สามารถเลิกได้เด็ดขาดมากกว่า โดย Stefanie Sacks นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ What the Fork Are You Eating? ได้แนะนำวิธีเลิกน้ำอัดลมไว้ว่าหากปกติแล้วดื่มน้ำอัดลมวันละหลายแก้ว ก็ควรจะเริ่มต้นเลิกด้วยการลดเหลือเพียงวันละ 1 แก้ว จากนั้น 2 สัปดาห์ค่อยลดเป็น 3 แก้วต่อสัปดาห์ วิธีนี้จะช่วยทำให้เราค่อย ๆ ปรับตัวสู่การเลิกน้ำอัดลมในระยะยาวได้ดีขึ้น

 2. ผสมกับน้ำเปล่า

          อาจจะดูแปลกไปเสียหน่อย กับการนำน้ำอัดลมผสมกับน้ำ แต่วิธีนี้จะทำให้คุณดื่มน้ำอัดลมน้อยลง ช่วยทำให้คุณดื่มน้ำเปล่าได้มากขึ้น แถมยังช่วยลดความหวานของน้ำอัดลมลงได้อีกด้วย ที่สำคัญเมื่อเรารู้สึกไม่อร่อยกับน้ำอัดลมที่ผสมน้ำ ก็จะทำให้เราค่อย ๆ เลิกดื่มมันไปเอง
 

 3. เริ่มต้นนับแคลอรี
   
           โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่ดื่มน้ำอัดลมมักจะไม่ค่อยสนใจถึงปริมาณแคลอรีของน้ำอัด ลมสักเท่าไร แต่ขอบอกเลยว่าน้ำอัดลมแคลอรีเยอะใช่ย่อยเลยนะ โดยน้ำอัดลมขนาดกระป๋องทั่วไป มีปริมาณแคลอรีถึง 240 แคลอรี ในขณะที่บรรดาของว่างที่ดีต่อสุขภาพนั้นมีแคลอรีแค่เพียง 200 แคลอรี แล้วลองนึกสิว่าการที่คุณดื่มน้ำอัดลมทุกวัน วันละหลายกระป๋องนั้นจะทำให้คุณอ้วนขึ้นมาขนาดไหน แต่ถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจในการเลิกดื่มน้ำอัดลมมากพอ ก็ลองหันมานับแคลอรีดูสิ นอกจากจะช่วยทำให้ลดการดื่มน้ำอัดลมได้แล้วก็ยังสามารถช่วยลดปริมาณการรับ ประทานอาหารได้อีกด้วย ลดได้ 2 ต่อแบบนี้ต้องลองนะ

 4. คิดถึงวิธีการเผาผลาญแคลอรี

          ถ้าการนับแคลอรียังไม่ได้ผล ก็ลองนึกถึงวิธีการเผาผลาญเจ้าแคลอรีเหล่านั้นดูค่ะ อยากเช่นการดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะต้องวิ่งจ็อกกิ้ง 50 นาที หรือวิ่งเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตรเพื่อเผาผลาญแคลอรีเหล่านั้นออกไป อาจจะดูง่าย ๆ แต่ขอบอกเลยว่าวิธีคิดแบบนี้สามารถทำให้เราดื่มน้ำอัดลมน้อยลงได้เลยล่ะ ยิ่งโดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายก็ยิ่งจะไม่อยากแตะน้ำอัดลมเลยเชียว
 

 5. เปลี่ยนมาดื่มชาแทน

          หากมีใครที่กำลังดื่มน้ำอัดลมเพื่อให้ได้คาเฟอีนละก็ ขอให้ลองเปลี่ยนมาดื่มชาค่ะ เพราะชาก็มีคาเฟอีนเช่นกัน แถมชาเนี่ยยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย แต่ถ้าไม่ค่อยชอบรสชาติของชาสักเท่าไรก็ลองเติมมะนาว ใบมินต์ หรือ น้ำผึ้งสักเล็กน้อย ก็จะช่วยทำให้รสชาติของชาถูกใจมากขึ้นค่ะ แล้วจะรู้ว่าการดื่มชาน่ะดีขนาดไหน 

  
 6. ก่อนดื่มน้ำอัดลม ดื่มน้ำเปล่าก่อน

             หลายครั้งคนเราก็ดื่มน้ำอัดลมเพราะความรู้สึกกระหาย และความรู้สึกกระหายน้ำนี่ล่ะที่ทำให้เราดื่มน้ำอัดลมมากจนเกินไป การดื่มน้ำเปล่าก่อนการดื่มน้ำอัดลมจะช่วยทำให้ความอยากน้ำอัดลมลดลง และช่วยลดความกระหายได้ดีกว่าการดื่มน้ำอัดลมเยอะเลยล่ะค่ะ แถมน้ำเปล่าก็ยังดีกับสุขภาพอีกด้วยนะ คราวหน้าถ้าอยากดื่มน้ำอัดลมก็ลองดื่มน้ำเปล่าเข้าไปสัก 1 แก้วใหญ่ ๆ นะ เผื่อจะได้อยากดื่มน้ำอัดลมน้อยลง 

 7. เปลี่ยนมาดื่มโซดาแทน

          ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดื่มน้ำอัดลมเพราะชอบโซดาละก็ วิธีเลิกน้ำอัดลมที่ดีที่สุดก็คือการหันมาดื่มโซดาแทน โดยอาจจะดื่มโซดาเปล่า ๆ หรือโซดาผสมน้ำผลไม้ ไม่ก็โซดาที่มีการปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติก็ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ที่สำคัญคือปริมาณน้ำตาลต้องไม่มากจนเกินไป ถ้าทำได้ละก็รับรองว่าเลิกดื่มน้ำอัดลมได้แน่นอน

  
 8. ลองน้ำหมักผลไม้ดูสิ

          ไม่นานมานี้กระแสการดื่มน้ำหมักผลไม้ต่าง ๆ หรือ Infused Water กำลังมาแรง แต่หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าน้ำเหล่านี้ดื่มได้จริง ๆ เหรอ ขอบอกเลยค่ะว่าน้ำหมักผลไม้นี้นอกจากจะช่วยระบบขับถ่ายและช่วยขับสารพิษแล้ว รสชาติยังอร่อย และทำให้รู้สึกสดชื่นได้ไม่แพ้น้ำอัดลมเลยล่ะ ถ้ายังติดน้ำอัดลมอยู่แล้วอยากจะเลิก ลองใช้น้ำหมักผลไม้เหล่านี้เป็นทางออกก็ไม่เลวนะ
 

 9. เลือกซื้อที่มีคาเฟอีนน้อย

            จริง ๆ แล้วสาเหตุที่เราติดน้ำอัดลมไม่ได้มาจากการน้ำตาลหรือโซดาในน้ำอัดลม แต่เป็นคาเฟอีนต่างหาก ซึ่งการดื่มน้ำอัดลมที่มีคาเฟอีนน้อยจะช่วยทำให้ความอยากดื่มน้ำอัดลมหมดไป โดยมีการศึกษาล่าสุดในปี 2015 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Nutition พบว่าการดื่มน้ำอัดลมที่มีคาเฟอีนน้อยติดต่อกันจะช่วยทำให้ลดการดื่มน้ำอัด ลมลงได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าน้ำอัดลมยี่ห้อไหนมีคาเฟอีนน้อย ก็ลองอ่านฉลากหรือตารางโภชนาการที่อยู่บนกระป๋องดูค่ะ รับรองว่าเลือกได้แน่นอน

 10. หักห้ามใจให้ได้

          หลายคนมักจะมีช่วงเวลาหรือ สถานการณ์ที่ทำให้เลือกดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่าโดยอัตโนมัติ อย่างเช่นบางคนอาจจะต้องดื่มน้ำอัดลมตอนบ่ายทุกวันเพื่อให้รู้สึกสดชื่น หรือทุกครั้งที่รับประทานฟาสต์ฟู้ดก็จะต้องสั่งน้ำอัดลม ซึ่งถ้าหากเราสามารถหักห้ามใจไม่ให้ดื่มน้ำอัดลมในสถานการณ์เหล่านี้ได้ เราก็จะสามารถเลิกดื่มได้ ถ้ายังเลิกรับประทานเครื่องดื่มหวาน ๆ ไม่ได้ ก็ลองเปลี่ยนมาดื่มชามะนาว หรือน้ำผลไม้แทน เครื่องดื่มเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้สดชื่นได้เช่นกันค่ะ

   
 11. เลิกดื่มน้ำอัดลม 2 สัปดาห์

          การเลิกดื่มน้ำอัดลมไปเลยทันทีอาจจะเป็นสิ่งที่ยากสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าหากเปลี่ยนจากการเลิกเด็ดขาดเป็นการเลิกดื่มน้ำอัดลมชั่วคราวสัก 2 สัปดาห์ ก็สามารถช่วยให้เราดื่มน้ำอัดลมได้น้อยลงนะ ถึงแม้ว่าจะให้ผลในระยะสั้น แต่ก็ได้ผลดีเชียวล่ะ เพราะในช่วง 2 สัปดาห์นั้นคุณจะเริ่มเคยชินกับการไม่ดื่มน้ำอัดลม และเมื่ออนุญาตให้ตนเองกลับมาดื่มน้ำอัดลมได้อีกครั้ง บางทีคุณก็อาจจะดื่มน้อยลง หรือไม่ดื่มอีกเลยก็ได้ค่ะ

 12. ดื่มเฉพาะในโอกาสสำคัญ 

          หากคุณสามารถเลิกติดการดื่มน้ำอัดลมได้แล้วล่ะก็ ไม่จำเป็นจะเลิกดื่มตลอดไปก็ได้ค่ะ แต่อาจจะสงวนเอาไว้ในโอกาสพิเศษ หรือโอกาสอื่น ๆ ที่คุณรู้สึกว่าต้องดื่มน้ำอัดลมถึงจะเหมาะที่สุด อย่างเช่นการรับประทานอาหารบางอย่างที่จะต้องมีน้ำอัดลมด้วยถึงจะอร่อยมาก ขึ้น แบบนี้จะช่วยให้คุณควบคุมปริมาณการดื่มน้ำอัดลมได้ และไม่กลับไปติดอีกแน่นอน

   
          12 วิธีที่นำมาแชร์กันก็คงจะพอให้หลาย ๆ คนมีไอเดียในการเลิกดื่มน้ำอัดลมแล้วล่ะเนอะ ยังไงถ้าเลิกได้ก็ควรเลิกดีที่สุด เพราะถึงแม้เครื่องดื่มจะอร่อย และทำให้สดชื่น แต่ก็ไม่คุ้มกับสุขภาพที่เสียไปแน่นอน แถมยังจะอายุสั้นลงอีกด้วย ครั้งต่อไปหากอยากดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ อยู่ให้ไกลจากน้ำอัดลมได้ก็ดีนะจ๊ะ
 

แหล่งที่มา  http://health.kapook.com/view114367.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/18858892173133198/

No comments:

Post a Comment