Monday, July 22, 2013

12 วิธี เพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง




การมีความรักเป็นสิ่งดี ไม่ว่าจะรักพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนรู้ใจ สัตว์เลี้ยง ฯลฯ  เมื่อมีความรักทำให้เราสดชื่น มีกำลังใจและมีความสุข 

อย่างไรก็ตามมีความรักอีกอย่าง ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ รักตนเอง แต่ไม่ได้หมายถึงหลงตัวเอง เห็นแก่ตัว ถือว่าตนดีกว่าคนอื่นหรือเหย่อหยิ่งจนไม่น่าดู แต่เป็นความรักที่ทำให้เราคิดดีต่อตนเอง เพิ่มความมั่นใจให้แก่ตนเอง รู้สึกว่าตนเองมีค่ามากขึ้น
 
หลายๆ คนที่ไม่รักตนเองมักประสบกับปัญหาภาวะซึมเศร้า มีแนวโน้มที่จะทำร้ายตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย หรือหันไปพึ่งยาเสพติด แล้วอะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไม่รักตนเอง?

โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเพราะตั้งแต่แรกคนเราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรู้สึกมั่นใจตนเอง สภาพแวดล้อมและคนรอบตัวต่างหากที่เป็นตัวกำหนด เช่น การเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งหากเด็กเติบโตมาพร้อมกับพ่อแม่ที่เอาใจอย่างดี แสดงความรักอย่างเปิดเผย เด็กก็จะรู้สึกว่าตนเองมีค่า มีความมั่นใจ
ตรงกันข้ามหากเด็กโตมาพร้อมกับการตำหนิว่ากล่าว พ่อแม่ไม่ใส่ใจ โดนตีบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งโดนเพื่อนล้อเลียน ก็จะรู้สึกว่าตนเองไม่สำคัญ ไม่มีความมั่นใจในตนเองและติดเป็นนิสัยเมื่อเป็นผู้ใหญ่

หากจะให้แยกว่าคนไหนมั่นใจตนเอง คนไหนไม่มั่นใจตนเอง สังเกตจากภายนอกคงไม่ได้ เพราะบางคนเวลาทำงานดูเป็นคนมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว แต่ภายในก็อาจจะคิดกังวลเป็นทุกข์อยู่คนเดียว ซึ่งไม่มีใครรู้ความจริง โดยทั่วไปคนที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่รักตนเองจะมีลักษณะนิสัยดังต่อไปนี้

ปิดบังตัวตนไว้ภายใน เป็นประเภทแสดงออกว่าตนเองมีความมั่นใจในตนเอง ประสบความสำเร็จ แต่จริงๆ กลัวมากว่าสักวันตัวตนที่แท้จริงของตนจะมีคนรู้ คนประเภทนี้มักติดอยู่กับความคิดสมบูรณ์แบบการแข่งขันแก่งแย่ง และกลัวการสูญเสีย

ต่อต้านผู้อื่น เป็นประเภทไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น มักขัดแย้งกับผู้บริหารหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ แต่จริงๆ แล้วทำเพราะรู้สึกโกรธตนเองที่ทำอย่างไรก็รู้สึกไม่พอ ไม่มีความสุข

คิดว่าเป็นผู้แพ้เสมอ เอาความทุกข์ หรือความลำบากของตนมาเป็นเกราะ หรือข้ออ้างสำหรับตนเอง
คนประเภทนี้มักพึ่งพาแต่ผู้อื่นและมักจะทำสิ่งต่างๆ ได้ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้เรื่อยไป

คิดแบบเหมารวม หากเคยผิดพลาด หรือล้มเหลวครั้งหนึ่งแล้ว ก็คิดว่าครั้งต่อๆ ไปก็จะพลาดไปตลอด

ประเมินมาตรฐานตนเองต่ำเกินไป แทนที่จะพูดถึงคุณสมบัติด้านดีที่แท้จริงของตน ก็ยกข้อเสียมาอ้าง บั่นทอนภาพลักษณ์ตนเองเสียหมด

คิดแบบสุดโต่ง คนประเภทนี้คิดอยู่เพียงสองด้าน นั่นคือ ถ้าไม่ดีสมบูรณ์พร้อม ก็ไร้ค่า ไม่เคยมีความคิดแบบทางสายกลาง

โทษแต่ตัวเอง มักกล่าวโทษตัวเองสม่ำเสมอ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของตนเอง

ช่างเปรียบเทียบ มักเอาข้อด้อยตนเองไปเปรียบเทียบกับข้อดีของคนอื่นๆ เป็นประจำ ทำให้ตนรู้สึกแย่มากขึ้น

คิดไปเองคนเดียว ชอบสรุปว่าคนนั้น คนนี้ไม่สนใจ โกรธ เกลียดตนเอง ฯลฯ ซึ่งไม่มีมูลจริงเท็จว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะคิดแบบนี้ หรือคาดหวังว่าทุกสิ่งที่ทำจะเป็นไปอย่างที่คิดทุกประการ

แบกทุกอย่างไว้บนบ่า รู้สึกว่าตนเองต้องรับผิดชอบ จัดการทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะรู้สึกว่าตนเองโดนลงโทษ โดนแกล้ง

หากคุณมีแนวคิดเช่นนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ ไม่มีความมั่นใจและรักตนเองน้อยลงทุกที แต่จะให้เปลี่ยนความคิดแบบปัจจุบันทันด่วนย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงความคิดต้องใช้เวลาพอสมควร และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนจนดีขึ้นเรื่อยๆ  


โดยหลักความคิดง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและรักตนเองมากขึ้น มี 12 วิธีหลักๆ ดังนี้

1. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
เป็นหลักการง่ายๆ แต่หลายคนก็ยังทำใจแข็งไม่ได้เสียที วิธีแก้คือ ต้องทำใจยอมรับตัวตนของเราที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เช่น สีผิว รูปร่าง ฯลฯ ทุกคนเกิดมาย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นจงรักตนเอง ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นดีที่สุด

2. จงเปรียบกับคนที่ด้อยกว่า
สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ คิดว่าตนเองแย่ที่สุดแล้ว ให้หันมามองผู้ที่ลำบากกว่า หรือจะลองเป็นอาสาสมัครไปเยี่ยมผู้ยากไร้ขาดโอกาสดูบ้างก็ได้ เพราะการทำเช่นนี้นอกจากจะสร้างกำลังใจให้ตนเองต่อสู้กับความยากลำบากแล้ว ยังได้บุญกุศลอีกด้วย

3. ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก
ไม่ควรคิดว่าไม่มีใครเข้าใจปัญหาของเรา หรือไม่มีใครสนใจ อันที่จริงหากเรามองไปรอบด้าน ก็จะเห็นว่าหลายคนยินดีที่จะช่วยเหลือเรา เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เอ่ยปากขอร้องเท่านั้นเอง แน่นอนว่าหากเราตกที่นั่งลำบากและสิ่งที่ขอให้ช่วยก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงนัก เชื่อว่ามีคนเต็มใจช่วยแน่นอนค่ะ

4. พูดคุยกับเพื่อน
เมื่อไรที่มีปัญหาหนักใจ อย่าลังเลที่จะปรึกษาเพื่อนสนิท หรือว่าหากเกิดขัดใจกันขึ้นมา อย่าลังเลที่จะเปิดอกพูดคุยกัน อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นปัญหาคาใจ

5. ปรึกษานักบำบัด
หากพบว่าตนพยายามแก้ไขวิธีคิดแล้ว แต่ไม่สำเร็จสักที ให้นัดเวลาพูดคุยกับนักบำบัด หรือจิตแพทย์ก็ได้ ไม่ต้องกลัวหรืออายว่าคนอื่นจะหาว่าบ้าเพราะหากปล่อยให้กังวลใจอยู่เช่นนี้สุขภาพจิตเสียแน่นอน

6. ให้รางวัลตนเอง
หลังจากที่ผ่านงานยากๆ หรืออุปสรรคหนักๆ เช่น ไปท่องเที่ยวพักผ่อน นัดสังสรรค์กับเพื่อนรู้ใจ

7. เก็บความภูมิใจลงในบันทึก
ให้จดบันทึกข้อดี ลักษณะเด่น ความสามารถพิเศษ หรือความสำเร็จที่ตนเองภาคภูมิใจลงบนไดอารี่
หรือสมุดจด อาจทำเครื่องหมายเน้นผลงานที่ทำสำเร็จ เพราะเมื่อไรที่หยิบมาอ่านจะได้ชื่นใจ เกิดความภูมิใจในความสามารถของตนเอง หรืออาจใช้วิธีประเมินตนเองอย่างยุติธรรมโดยจดสิ่งที่ตนทำสำเร็จในแต่ละวัน แล้วประเมินอาทิตย์ละครั้ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตนเอง

8. เสริมจุดเด่นลดจุดด้อย
อย่าลังเลที่จะเรียน หรือทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ ไม่แน่คุณอาจจะมีพรสวรรค์บางอย่างซ่อนอยู่แบบไม่รู้ตัวมาก่อนก็ได้

9. พยายามทำกิจกรรมที่ตนชื่นชอบ
ไม่ต้องกังวลว่าต้องไปตามลำพังตราบใดที่ยังชอบและมีความสุขกับกิจกรรมนั้นๆ เช่น ไปเรียนวาดรูป เรียนภาษาต่างประเทศ ฯลฯ นอกจากจะทำให้จิตใจแจ่มใส ยังอาจจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ เจอคนหลากหลายมากขึ้น

10. อย่าโทษตัวเองไปเสียทุกเรื่อง
ปรับวิธีคิดให้มีเหตุและผลมากขึ้นกว่าเดิม

11. เผชิญหน้ากับการว่ากล่าว
การว่ากล่าวนับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องพบเจอ แต่สำหรับคนที่ขาดความมั่นใจจะเกิดอาการสะเทือนใจมากกว่าคนอื่น เพื่อจะลบความรู้สึกนี้ ก่อนอื่นต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของการว่ากล่าว
เช่น ติเพื่อก่อ หรืออคติ หากเข้าข่ายประเด็นหลัง อย่าเก็บมาใส่ใจเพราะจะยิ่งบั่นทอนความมั่นใจให้ลดน้อยลงไปอีก แต่หากเป็นเหตุผลแรก ให้ยิ้มสู้ รับฟัง และกล่าวขอบคุณ นำคำตินั้นมาปรับปรุงพัฒนาตนเอง

12. ดูแลสุขภาพตนเอง
พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ รักษาความสะอาด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วิธีดูแลตนเองเช่นนี้นอกจากจะให้บุคลิกภาพดูดีขึ้นแล้ว ยังทำให้จิตใจแจ่มใสอีกด้วย ไม่ให้จิตใจจดจ่อหมกมุ่นอยู่กับข้อด้อยของตนเองมากไป

การเปลี่ยนแปลงความคิดตนเองเพื่อเพิ่มความมั่นใจ อาจดูยาก และใช้ความอดทนพอสมควร แต่ความมั่นใจนี้เองจะทำให้คุณมีความสุขกับชีวิต กลายเป็นคนใหม่ที่รักและพอใจกับสิ่งที่คุณเป็น 

ที่มา : http://www.dhammajak.net, http://blog.eduzones.com/pudding/2532
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/197173289909445790/

No comments:

Post a Comment