Friday, January 15, 2016

13 สัญญาณว่าคุณกำลังขาดวิตามินบี 1 รู้ให้ทัน ป้องกันการเสียชีวิต



การขาดวิตามินบี 1 สังเกตได้จากอาการเหน็บชา ทว่านอกจากนั้นแล้วยังอาจมีสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพที่ควรต้องใส่ใจมากขึ้นก่อนจะสายเกินไปด้วย
   
          วิตามินบี 1 มีบทบาทความสำคัญที่มากกว่าหลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะอย่างที่รู้กันว่าหากขาดวิตามินบี 1 ขึ้นมา โรคเหน็บชาจะเตือนให้เราต้องเติมวิตามินบี 1 ให้ร่างกายมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่อยากให้รู้เพิ่มขึ้นอีกนิดก็คือ สัญญาณของการขาดวิตามินบี 1 ไม่ได้มีแค่อาการเหน็บชาเท่านั้น แต่ยังมีอาการอื่น ๆ ที่ต้องใส่ใจให้ดีด้วย ไม่อย่างนั้นภาวะขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลย

วิตามินบี 1 ช่วยอะไร ?

          บทบาทหน้าที่ของวิตามินบี 1 หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าไธอะมิน (Thiamine) คือ ช่วยเสริมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานร่างกาย ให้มีแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ รวมทั้งยังมีส่วนสำคัญต่อระบบประสาท โดยเฉพาะในด้านนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาททุกส่วนในร่างกาย กระตุ้นการทำงานของหัวใจ และทางเดินทางอาหาร

          หากร่างกายเกิดภาวะขาดวิตามินบี 1 ก็จะทำให้เป็นโรคเหน็บชา ซึ่งภาวะขาดวิตามินบี 1 สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเลยนะคะ และยิ่งเกิดกับเด็กทารกยิ่งต้องระวัง เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตค่อนข้างสูง

 

ขาดวิตามินบี 1 อาการอะไรบอกได้บ้าง ?

          อาการขาดวิตามินบี 1 ที่สังเกตได้ชัดว่าร่างกายกำลังร้องหาวิตามินบี 1 สามารถดูได้จากสัญญาณดังต่อไปนี้

          1. อาการเหน็บชาปลายมือ ปลายเท้า อาจรู้สึกแปล๊บ ๆ ร่วมด้วย
          2. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
          3. เบื่ออาหาร
          4. ท้องอืด ท้องผูก
          5. เป็นตะคริวบ่อยขึ้น
          6. ปวดน่อง
          7. แขนขาไม่มีแรง
          8. หอบเหนื่อย
          9. ปัสสาวะน้อยลง
          10. อารมณ์แปรปรวน
          11. น้ำหนักลด
          12. หัวใจเต้นผิดจังหวะ
          13. หัวใจล้มเหลว


          ทั้ง นี้สัญญาณของการขาดวิตามินบี 1 จะขึ้นอยู่กับปริมาณการขาดวิตามินบี 1 ของแต่ละบุคคล ซึ่งหากมีภาวะขาดวิตามินบี 1 เพียงเล็กน้อย อาจเกิดโรคเหน็บชา และอ่อนเพลียให้รู้สึกบ้าง

          ทว่าในรายที่ขาดวิตามินบี 1 มาก อาจกระทบไปถึงการทำงานของระบบหัวใจ ทำให้เกิดอาการหอบเหนื่อย เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวจนถึงแก่ชีวิตได้ หรือหากเลือดไปเลี้ยงส่วนใดของร่างกายไม่เพียงพอ ก็อาจเกิดปัญหาที่ระบบนั้น เช่น ไตวาย

          นอกจากนี้ยังควรต้องระวังภาวะขาดวิตามินบี 1 ในเด็กทารก ซึ่งพบบ่อยในเด็กทารกอายุประมาณ 2-3 เดือน ที่กินนมแม่ โดยที่แม่ก็มีภาวะขาดวิตามินบี 1 อยู่กับตัว ทำให้เด็กทารกได้รับวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายไปด้วย

          โดยสัญญาณขาดวิตามินบี 1 ในเด็กทารกอาจดูได้จากอาการหน้าเขียว หอบเหนื่อย ตัวบวม หัวใจเต้นเร็ว ร้องเสียงแหบหรือไม่มีเสียง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที เด็กอาจเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 ชั่วโมงเลยนะคะ

ขาดวิตามินบี 1 เกิดจากอะไร

          เราจะเกิดภาวะขาดวิตามินบี 1 ได้จากสาเหตุดังนี้ค่ะ

          การรับประทานวิตามินบี 1 ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะอดอยาก หรือการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสัดส่วน ทำให้ได้สารอาหารไม่ครบถ้วน

          รับประทานอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 มากกว่าอาหารที่มีวิตามินบี 1

          ภาวะทางสรีระวิทยา เช่น เด็กในวัยเจริญเติบโต หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือผู้ที่ทำงานหนัก ซึ่งร่างกายจะมีการเผาผลาญมากขึ้น ทำให้ต้องการวิตามินบี 1 เพิ่มขึ้นไปด้วย
         
          โรคเรื้อรัง อย่างโรคติดเชื้อ โรคพิษสุราเรื้อรัง การผ่าตัด ภาวะเครียด หรือผู้ที่มีภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์หนัก ๆ
         
          ภาวะร่างกายลดการดูดซึมวิตามินจากลำไส้ ซึ่งอาจเกิดได้กับผู้ที่มีอาการท้องร่วง ผู้ที่ขาดสารอาหารเรื้อรัง เป็นโรคตับเข็ง หรือกำลังใช้ยาขับปัสสาวะ

ขาดวิตามินบี 1 ต้องกินอะไร? หาทานได้จาก...

          ร่างกายจะได้รับวิตามินบี 1 จากอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรต ขนมปัง ธัญพืช ข้าวซ้อมมือ โฮลเกรน รวมทั้งเนื้อหมู ไข่แดง ตับ โยเกิร์ต นม และถั่วชนิดต่าง ๆ
   

          ซึ่งนอกจากวิตามินบี 1 ที่หาได้จากอาหารเหล่านี้แล้ว ยังมีอาหารที่กินเข้าไปแล้วอาจจะต้านการรับวิตามินบี 1 เข้าสู่ร่างกายด้วย ซึ่งก็ควรต้องระวังด้วยค่ะ

อาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1

          แม้จะรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 เข้าไปมากแค่ไหน แต่หากกินอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 เช่น เมี่ยง หมากพลู ปลาร้า ชา ปลาน้ำจืด หอยลาย มากเกินไป ร่างกายก็มีโอกาสเกิดภาวะขาดวิตามินบี 1 ได้เช่นกันนะคะ
   

          ดังนั้นหากสงสัยว่าตัวเองมีภาวะขาดวิตามินบี 1 ก็พยายามเลี่ยงอาหารเหล่านี้ไปก่อน และควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกอื่นในการเสริมธาตุอาหารสำคัญให้ร่าง กายอย่างครบถ้วนและปลอดภัย

การรักษาอาการขาดวิตามินบี 1 ทำได้โดย...
   
          รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีสูง อย่างข้าวซ้อมมือไม่ขัดสี ไข่แดง ตับ เครื่องในสัตว์ โยเกิร์ต นม ถั่ว และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 อย่างหมาก พลู ชา ปลาร้า และปลาน้ำจืดบางชนิดด้วย
   
          ในเคสที่มีอาการโรคเหน็บชารุนแรง ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก อาจรักษาอาการขาดวิตามินบี 1 ได้ด้วยการฉีดไธอะมินปริมาณสูงสุดที่ 100 มิลลิกรัม (ขนาดของไธอะมินขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์) เข้าสู่เส้นเลือดดำ ซึ่งนับว่าเป็นการรักษาที่ให้ผลได้อย่างเต็มที่ในทันที

วิตามินบี 1 ต้องกินเท่าไรถึงเรียกว่าเพียงพอ ?

          การกำหนดค่าปริมาณไธอะมินอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวัน (Dietary Reference Intake, DRI) ของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เมื่อปี ค.ศ. 2000 ได้กำหนดค่าประมาณของความต้องการไธอะมินที่ควรได้รับประจำวัน (Estimated Average Requirement, EAR) ไว้ที่ 1.0 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ชาย และวิตามินบี 1 ปริมาณ 0.9 มิลลิกรัมสำหรับเพศหญิง

          ทั้งนี้สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร ควรเพิ่มปริมาณการรับวิตามินบี 1 ให้มากกว่าปกติอีก 0.3 มิลลิกรัม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของสภาวะร่างกายในขณะนั้น
   
          และสำหรับเด็กทารกวัย 6-8 เดือน ควรได้รับวิตามินบี 1 จำนวน 0.3 มิลลิกรัม ส่วนเด็กแรกเกิดจนถึงวัย 5 เดือน ควรได้รับวิตามินบี 1 จากน้ำนมแม่ในอัตราส่วน 0.2 มิลลิกรัม ซึ่งก็หมายความว่าคุณแม่ต้องมีวิตามินบี 1 ในร่างกายที่เพียงพอสำหรับลูกน้อยด้วยนั่นเอง
   

          ขอย้ำอีกครั้งว่าภาวะการขาดวิตามินบี 1 เราสามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 สูง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารทำลายวิตามินบี 1 และพยายามรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพราะการขาดสารอาหารก็เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะขาดวิตามินบี 1 ได้ และอาจส่งผลกระทบที่อันตรายต่อสุขภาพได้เลยล่ะ
   

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมอนามัย
http://health.kapook.com/view139280.html

No comments:

Post a Comment