ในปัจจุบันนี้ โรคอ้วนและอ้วนลงพุงมีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของการเกิดนั้นมาจากการที่กินมากเกินไป (overeating) จาก การศึกษาพบว่ารสชาติของอาหารเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนกินอาหารมากขึ้น โดยพบว่ารสเค็มเป็นรสที่ส่งผลต่อการกินมากที่สุด รสชาติเค็มเปรียบเหมือนยาเสพติดโดยเร่งการผลิตโดปามีนซึ่งเป็นสารเคมีในสมอง ส่งผลต่ออารมณ์ความพึงพอใจ ความสุข ทำให้เกิดความรู้สึกอยากอาหาร เมื่อติดรสชาติเค็มแล้วหากไม่ได้รสชาติเค็มก็จะรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อย รู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสีย
นอกจากนี้ผู้ที่ติดรสชาติเค็มเพียงแค่นึกถึงอาหารที่มีรสชาติเค็มก็สามารถทำให้เกิดความรู้หิวและอยากอาหารขึ้นมา จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ที่ชอบกินเค็มอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่ชอบกินเค็มเนื่องมาจากพอความรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
กินก็มากขึ้น โอกาสการได้รับพลังงานที่มาจากอาหารก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
สิ่งที่แสดงว่าคุณอาจได้รับความเค็มเกิน
ชอบกินอาหารแปรรูปเป็นประจำ
ยิ่งหากกินทุกวันยิ่งเสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมเกิน ในกลุ่มของอาหารแปรรูปจะมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบและมีปริมาณที่มากกว่าอาหารในกลุ่มของผัก ผลไม้สด รวมถึงกลุ่มข้าวธัญพืช จากการศึกษาพบว่าคนในประเทศทางตะวันตกได้รับเกลือเกือบ
80 เปอร์เซ็นต์มาจากอาหารแปรรูป
การที่อาหารแปรรูปเติมเกลือ (โซเดียม) เพื่อให้รสชาติเข้มข้น
ยืดอายุการเก็บรักษา
ผู้ที่ชอบกินอาหารแปรรูปมักจะชอบกินอาหารรสชาติเค็มมากกว่าผู้ที่ไม่ชอบกินอาหารแปรรูป
เมื่อตรวจเลือดจะพบภาวะโซเดียมสูงในเลือด
คือ สูงมากกว่า 145 mmol/L โดยอาการแสดงเช่น คอแห้ง
กระหายน้ำ ปวดศีรษะ อารมณ์หงุดหงิด หากวัดความดันโลหิตจะพบความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการไหลเวียนของเลือด
ช็อก หมดสติได้
บวม เนื่องมาจากเกลือสามารถทำให้เกิดการกักน้ำในร่างกายเพื่อใช้ในการละลายความเข้มข้นของโซเดียมสามารถสังเกตได้จากท้องป่อง หน้าบวม แขนบวม
เมื่อนึกถึงอาหารที่มีรสชาติเค็มจะมีน้ำลายผลิตออกมาในปาก
และอยากอาหารขึ้นมา
ชอบรับประทานอาหารรสจัด
อาหารส่วนใหญ่ที่มีรสจัด เช่น เผ็ดจัด จะมีความเค็มตามมาด้วย
ขนมหรือของว่างที่ชอบกินมักจะอยู่ในรูปของขนมกรุปกรอบ
ขนมกระป๋อง เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ ปลาหมึกกรอบ ถั่วทอด ขนมปังกรอบ
ชอบเติมเกลือ ซีอิ้ว
น้ำปลา หรือซอสต่างๆ ในอาหารก่อนกิน
วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินเค็มให้ลดลง
เลือกรับประทานอาหารสดจากธรรมชาติให้มากขึ้น
เน้นผัก ผลไม้ สด และลดการกินอาหารแปรรูป
อ่านฉลากโภชนาการเป็นประจำ เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมือนกันแต่มีปริมาณของโซเดียมให้น้อยที่สุด หรือดูที่บรรจุภัณฑ์หากมีคำว่า
ลดการใช้เกลือ Low sodium ควรเลือก
เลือกน้ำเปล่าแทนที่น้ำหวานหรือน้ำผลไม้
เนื่องจากน้ำผลไม้ในปัจจุบันบางครั้งมีการเติมเกลือลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่จะยิ่งทำให้เราติดรสเค็มมากยิ่งขึ้น
ชิมรสชาติอาหารก่อนปรุงเครื่องปรุงรสเค็ม
ตั้งเป้าหมายในการกินเพื่อลดความเค็มลง
โดยลดการเติมเครื่องปรุงในอาหาร
เมื่อรับประทานอาหารนอกบ้าน
อาจขอแยกซอสปรุงรสต่างๆ หรือขอเค็มน้อยแทน
ผู้ที่ชอบกินอาหารเค็ม
จะเสี่ยงต่อการได้รับปริมาณเกลือเกินไป ซึ่งคือการไม่ได้สัดส่วนของเกลือและน้ำในร่างกายส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของระดับความดันโลหิต ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้การได้รับโซเดียมสูงในระยะยาวยังเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะกระดูกผุ
และโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร การที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชอบรับประทานเค็มอาจไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่หากเริ่มจากทีละขั้นตอนช้าๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับเปลี่ยนและเกิดความเคยชินจะทำให้ได้ผลในระยะยาวที่ดีกว่า
โดย piyawan-on
ที่มา : เครือข่ายคนไทยไร้พุง
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
No comments:
Post a Comment