ใครรู้สึกว่าการออกกำลังกายไม่ได้ผล
ไขมันยังอยู่ที่เดิมไม่หดหาย ลองทำตามคำแนะนำของโค้ชชเวซองโจ จากนิตยสาร lemonade
ดูสิ รับรองเริด !
1. ส่องกระจกเช็คท่า เช็คหุ่น
หมั่นเหลือบมองกระจกเพื่อตรวจสอบท่าทางและการจัดระเบียบร่างกายให้ถูกต้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วย
2. นับครั้งดีกว่าจำกัดเวลา
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของแต่ละคนไม่เท่ากัน ความกดดันที่ต้องทำท่าออกกำลังกายต่าง ๆ ให้ทันภายในเวลาที่กำหนดอาจทำให้บริหารผิดท่า ดังนั้นควรกะเวลาคร่าว ๆ ให้เหมาะสมกับตัวเอง และใส่ใจกับจำนวนครั้งที่ทำมากกว่า
3. น้ำดื่มใกล้ตัว
ระหว่างออกกำลังกายควรจิบน้ำทีละนิดแต่บ่อย ๆ เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ การดื่มน้ำน้อย และเข้าชาวน่าเพื่อหวังลดน้ำหนักมีผลทำให้ผิวเหี่ยวและดูแก่ก่อนวัยโดยไม่รู้ตัว
4. อย่าดื่มแอลกอฮอล์ก่อนออกกำลังกาย!!
วันไหนดื่มแอลกอฮอล์ วันนั้นควรงดออกกำลังกาย เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ความดันเลือดพุ่งสูงจนอาจเกิดผลเสียร้ายแรงได้ เช่น หัวใจวาย เลือดออกในสมอง ฯลฯ
5. มื้อเย็นจำเป็นมาก!!
หลังทานมื้อเย็น 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเป็นช่วงดีที่สุดที่จะออกกำลังกาย เพราะร่างกายจะนำพลังงานมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และหลังออกกำลังกายควรกินมื้อเบา ๆ อีกสักมื้อ เช่น ไข่ต้ม นม หรือกล้วย จะช่วยให้ร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์มสุด ๆ
6. อย่าเกร็งไหล่เด็ดขาด
สาว ๆ หลายคนเวลาออกกำลังกายมักจะเกร็งและยกไหล่ขึ้นโดยไม่รู้ตัวทำให้กล้ามเนื้อไหล่ยึดเป็นก้อน กระดูกไหปลาร้าหายไป และทำให้ช่วงไหล่หนาขึ้นได้ ทางที่ดีควรยืดกล้ามเนื้อช่วงไหล่บ่อย ๆ และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องมีกระจกไว้สำรวจท่าทาง
7. อย่ากลั้นหายใจระหว่างออกกำลังกาย
ขณะออกกำลังกายหลายคนมักกังวลว่า จังหวะไหนควรหายใจเข้าหรือออกจนเกิดการกลั้นหายใจระหว่างเคลื่อนไหวร่างกาย แต่การหายใจอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและ ฟื้นตัวได้เร็ว ทางที่ดีควรหายใจอย่างเป็นธรรมชาติให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวเป็นพอ
8. อย่าหมกมุ่นกับการควบคุมอาหาร
การควบคุมอาหารทำให้น้ำหนักลดได้ก็จริง แต่ไม่ควรเคร่งครัดจนกลายเป็นบังคับฝืนใจ ลองเปลี่ยนเป็นทำความเข้าใจและรู้จักเลือกกินอาหาร เช่น ผลไม้ที่อุดมด้วยเส้นใยอย่างแอปเปิลและกล้วย จะทำให้การลดน้ำหนักได้ผลมากกว่า
1. ส่องกระจกเช็คท่า เช็คหุ่น
หมั่นเหลือบมองกระจกเพื่อตรวจสอบท่าทางและการจัดระเบียบร่างกายให้ถูกต้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วย
2. นับครั้งดีกว่าจำกัดเวลา
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของแต่ละคนไม่เท่ากัน ความกดดันที่ต้องทำท่าออกกำลังกายต่าง ๆ ให้ทันภายในเวลาที่กำหนดอาจทำให้บริหารผิดท่า ดังนั้นควรกะเวลาคร่าว ๆ ให้เหมาะสมกับตัวเอง และใส่ใจกับจำนวนครั้งที่ทำมากกว่า
3. น้ำดื่มใกล้ตัว
ระหว่างออกกำลังกายควรจิบน้ำทีละนิดแต่บ่อย ๆ เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ การดื่มน้ำน้อย และเข้าชาวน่าเพื่อหวังลดน้ำหนักมีผลทำให้ผิวเหี่ยวและดูแก่ก่อนวัยโดยไม่รู้ตัว
4. อย่าดื่มแอลกอฮอล์ก่อนออกกำลังกาย!!
วันไหนดื่มแอลกอฮอล์ วันนั้นควรงดออกกำลังกาย เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ความดันเลือดพุ่งสูงจนอาจเกิดผลเสียร้ายแรงได้ เช่น หัวใจวาย เลือดออกในสมอง ฯลฯ
5. มื้อเย็นจำเป็นมาก!!
หลังทานมื้อเย็น 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเป็นช่วงดีที่สุดที่จะออกกำลังกาย เพราะร่างกายจะนำพลังงานมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และหลังออกกำลังกายควรกินมื้อเบา ๆ อีกสักมื้อ เช่น ไข่ต้ม นม หรือกล้วย จะช่วยให้ร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์มสุด ๆ
6. อย่าเกร็งไหล่เด็ดขาด
สาว ๆ หลายคนเวลาออกกำลังกายมักจะเกร็งและยกไหล่ขึ้นโดยไม่รู้ตัวทำให้กล้ามเนื้อไหล่ยึดเป็นก้อน กระดูกไหปลาร้าหายไป และทำให้ช่วงไหล่หนาขึ้นได้ ทางที่ดีควรยืดกล้ามเนื้อช่วงไหล่บ่อย ๆ และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องมีกระจกไว้สำรวจท่าทาง
7. อย่ากลั้นหายใจระหว่างออกกำลังกาย
ขณะออกกำลังกายหลายคนมักกังวลว่า จังหวะไหนควรหายใจเข้าหรือออกจนเกิดการกลั้นหายใจระหว่างเคลื่อนไหวร่างกาย แต่การหายใจอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและ ฟื้นตัวได้เร็ว ทางที่ดีควรหายใจอย่างเป็นธรรมชาติให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวเป็นพอ
8. อย่าหมกมุ่นกับการควบคุมอาหาร
การควบคุมอาหารทำให้น้ำหนักลดได้ก็จริง แต่ไม่ควรเคร่งครัดจนกลายเป็นบังคับฝืนใจ ลองเปลี่ยนเป็นทำความเข้าใจและรู้จักเลือกกินอาหาร เช่น ผลไม้ที่อุดมด้วยเส้นใยอย่างแอปเปิลและกล้วย จะทำให้การลดน้ำหนักได้ผลมากกว่า
แหล่งที่มา Lemonade, http://health.kapook.com/view122940.html
cr. pic. https://www.pinterest.com/pin/5136987067973909/
No comments:
Post a Comment