แกนสับปะรด
ถ้าไม่เคยทานก็ต้องลองสักครั้ง
เพราะส่วนนี้แหละมีสารอาหารสำคัญสะสมอยู่มากกว่าเนื้อหวาน ๆ ฉ่ำ ๆ ซะอีก
คนส่วนใหญ่เวลาปอกสับปะรดก็มักจะหั่นเอาแต่เนื้อแล้วโยนแกนแข็ง ๆ สีขาว ๆ ทิ้งขยะไป โดยหารู้ไม่ว่าเรากำลังทิ้งของดีไปเสียแล้ว เพราะแกนสับปะรด หรือไส้กลางแข็ง ๆ นี่แหละที่มีสารอาหารมากกว่าเนื้อเหลืองที่เราทานด้วยซ้ำ กระปุกดอทคอม เลยรีบหยิบเอาประโยชน์ของแกนสับปะรดมาบอกไว้ก่อน จะได้ทานกันเพื่อรับประโยชน์มากมายจากผลไม้ชนิดนี้
คนส่วนใหญ่เวลาปอกสับปะรดก็มักจะหั่นเอาแต่เนื้อแล้วโยนแกนแข็ง ๆ สีขาว ๆ ทิ้งขยะไป โดยหารู้ไม่ว่าเรากำลังทิ้งของดีไปเสียแล้ว เพราะแกนสับปะรด หรือไส้กลางแข็ง ๆ นี่แหละที่มีสารอาหารมากกว่าเนื้อเหลืองที่เราทานด้วยซ้ำ กระปุกดอทคอม เลยรีบหยิบเอาประโยชน์ของแกนสับปะรดมาบอกไว้ก่อน จะได้ทานกันเพื่อรับประโยชน์มากมายจากผลไม้ชนิดนี้
คุณประโยชน์จากแกนสับปะรด
แม้จะแข็งและรสฝาดไปสักหน่อย แต่จะบอกว่าแกนสับปะรด หรือไส้กลางสับปะรดนี่คือแหล่งสะสมสารอาหารของสับปะรดเลย โดยเฉพาะเอนไซม์บรอมีเลน (BROMELAIN) ที่จริง ๆ แล้วมีอยู่ในทุกส่วนของสับปะรด แต่พบในส่วนแกนมากที่สุด ซึ่งสารนี้มีประโยชน์มากมาย คือ
** มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร ถ้ามื้อไหนทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์เข้าไปมาก ๆ จนจุกเสียด แน่นท้อง ให้ทานสับปะรดเข้าไปหลังรับประทานอาหารจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
** ช่วยสมานแผลและลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะเอนไซม์บรอมีเลนมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้ออ่อน ๆ คอยทำลายแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์
** ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีกากใยมาก จึงช่วยแก้ท้องผูกได้ แต่ก็ไม่ควรทานมากไป เพราะจะทำให้ท้องเสียแทน
** มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้นิ่ว
** ลดอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ หลังจากออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนัก ๆ
** ป้องกันการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต เพราะเอนไซม์บรอมีเลนจะไปช่วยลดการเกาะกันเป็นลิ่มเลือดของเกล็ดเลือด
** เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย ต่อต้านโรคมะเร็ง นั่นเพราะบรอมีเลนจะทำให้เม็ดเลือดขาวหลั่งสารไซโตไคน์ ที่ทำให้เม็ดเลือดขาวกำจัดเซลล์มะเร็งได้ ช่วยลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่
** กระตุ้นฮอร์โมนเพศชาย ช่วยเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน ถือเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดีให้คุณผู้ชาย
** บรรเทาโรคเกาต์ได้ โดยทานสับปะรด 1/4 ผล (ขนาดเล็ก) วันละ 2-3 ครั้ง หลังอาหาร 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้เอนไซม์บรอมีเลนช่วยต้านการอักเสบ ลดความเจ็บปวดจากการอักเสบ
แม้จะแข็งและรสฝาดไปสักหน่อย แต่จะบอกว่าแกนสับปะรด หรือไส้กลางสับปะรดนี่คือแหล่งสะสมสารอาหารของสับปะรดเลย โดยเฉพาะเอนไซม์บรอมีเลน (BROMELAIN) ที่จริง ๆ แล้วมีอยู่ในทุกส่วนของสับปะรด แต่พบในส่วนแกนมากที่สุด ซึ่งสารนี้มีประโยชน์มากมาย คือ
** มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร ถ้ามื้อไหนทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์เข้าไปมาก ๆ จนจุกเสียด แน่นท้อง ให้ทานสับปะรดเข้าไปหลังรับประทานอาหารจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
** ช่วยสมานแผลและลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะเอนไซม์บรอมีเลนมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้ออ่อน ๆ คอยทำลายแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์
** ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีกากใยมาก จึงช่วยแก้ท้องผูกได้ แต่ก็ไม่ควรทานมากไป เพราะจะทำให้ท้องเสียแทน
** มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้นิ่ว
** ลดอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ หลังจากออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนัก ๆ
** ป้องกันการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต เพราะเอนไซม์บรอมีเลนจะไปช่วยลดการเกาะกันเป็นลิ่มเลือดของเกล็ดเลือด
** เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย ต่อต้านโรคมะเร็ง นั่นเพราะบรอมีเลนจะทำให้เม็ดเลือดขาวหลั่งสารไซโตไคน์ ที่ทำให้เม็ดเลือดขาวกำจัดเซลล์มะเร็งได้ ช่วยลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่
** กระตุ้นฮอร์โมนเพศชาย ช่วยเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน ถือเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดีให้คุณผู้ชาย
** บรรเทาโรคเกาต์ได้ โดยทานสับปะรด 1/4 ผล (ขนาดเล็ก) วันละ 2-3 ครั้ง หลังอาหาร 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้เอนไซม์บรอมีเลนช่วยต้านการอักเสบ ลดความเจ็บปวดจากการอักเสบ
วิธีทานสับปะรดที่ถูกต้อง
เมื่อทราบประโยชน์ของแกนสับปะรดแล้ว คราวหน้าเวลาหั่นสับปะรดก็ควรหั่นเนื้อมาพร้อมกับแกนกลางด้วยจะดีกว่าทานแต่ เนื้ออย่างเดียว แต่ถึงกระนั้นหลายคนอาจจะกลัวว่าเวลาทานแล้วจะเจ็บลิ้นและปาก ซึ่งถ้าเรารู้จักการทานสับปะรดอย่างถูกวิธีก็ไม่ต้องกลัวว่าจะแสบลิ้นตามมา โดยเวลาทานสับปะรดต้องทำแบบนี้
- ใช้มีดเฉือนเปลือกออกจนหมด
- จากนั้นใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียง
- ตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือทาให้ทั่ว หรือแช่ในน้ำเกลืออ่อน ๆ ประมาณ 2-3 นาที
โดยการทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือจะช่วยทำให้เอนไซม์บรอมีเลนที่มีฤทธิ์เป็นกรด ปรับเปลี่ยนโครงสร้างไม่สามารถเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในปาก และยังเป็นการทำลายสารจำพวก Glycoalkaoid จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้จนแสบลิ้น
ข้อควรระวังในการกินสับปะรด
** ไม่ควรทานตอนท้องว่าง เพราะเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก มีรสเปรี้ยว ทานแล้วอาจระคายเคืองกระเพราะอาหาร
** ไม่ควรทานสับปะรดดิบ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง และก็ไม่ควรทานสับปะรดที่สุกเกินไป เพราะอาจเริ่มเน่า แล้วทำให้ท้องเสียได้
เข้าใจเรื่องสับปะรดกันแล้ว ครั้งหน้าถ้าจะซื้อผลไม้รถเข็นก็ขอแกนสับปะรดติดถุงมาด้วย ถ้าหั่นปุ๊บ ทิ้งปั๊บ แบบนี้เสียดายของดี ๆ แย่เลยค่ะ
** ไม่ควรทานตอนท้องว่าง เพราะเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก มีรสเปรี้ยว ทานแล้วอาจระคายเคืองกระเพราะอาหาร
** ไม่ควรทานสับปะรดดิบ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง และก็ไม่ควรทานสับปะรดที่สุกเกินไป เพราะอาจเริ่มเน่า แล้วทำให้ท้องเสียได้
เข้าใจเรื่องสับปะรดกันแล้ว ครั้งหน้าถ้าจะซื้อผลไม้รถเข็นก็ขอแกนสับปะรดติดถุงมาด้วย ถ้าหั่นปุ๊บ ทิ้งปั๊บ แบบนี้เสียดายของดี ๆ แย่เลยค่ะ
แหล่งที่มา http://health.kapook.com/view114751.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment