กินทุเรียนอย่างไรไม่ให้อ้วน ชอบกินทุเรียนแต่กลัวอ้วน ทำไงดี
มีคำแนะนำในการกินทุเรียนมาบอกแล้ว
เข้าสู่หน้าทุเรียนทีไร สาวกคนรักราชาผลไม้เป็นต้องน้ำลายสอกับกลิ่นหอม ๆ ของทุเรียน แต่พอนึกถึงตัวเลขแคลอรี่ในทุเรียนแล้ว ทำเอาหลายคนต้องแตะเบรก ห้ามใจตัวเองแทบไม่ทัน เพราะถ้าเผลอทานราชาผลไม้ไทยชนิดนี้มากเกินไปล่ะก็ ได้ความอ้วนแถมกลับมาด้วยชัวร์ ๆ
เอ้า...แต่ ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าเราทานอย่างระมัดระวัง นอกจากจะได้ฟินกับรสชาติของทุเรียนแบบไม่กลัวอ้วนแล้ว ยังได้สุขภาพดีมาด้วยนะ ตามมาเลย
ก่อนอื่นมาดูข้อมูลทางโภชนาการของทุเรียนกันก่อน ทุเรียน 2 เม็ดขนาดกลาง มีน้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 187 กิโลแคลอรี่ ให้ไขมัน 4.1 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม แคลเซียม 18 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม เหล็ก 1 มิลลิกรัม และวิตามินเอ 22 มิลลิกรัม
ทั้งนี้ ทุเรียน ยังมีประโยชน์ในด้านการฆ่าเชื้อ เพราะกำมะถันในเนื้อทุเรียนเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนองแห้ง มีฤทธิ์ขับพยาธิ กากใยในเนื้อเป็นยาระบาย ช่วยขับล้างลำไส้ ดังนั้น หากทานอย่างเหมาะสม ก็เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพได้เหมือนกัน แต่ถ้าทานมากเกินไป เช่น ทานครั้งละ 2-3 พู เท่ากับ 4-6 เม็ด หรือเกือบครึ่งลูก แบบนี้รับไปเต็ม ๆ 400 กิโลแคลอรี่ พอ ๆ กับทานข้าว 5 ทัพพี หรือดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋องเลยทีเดียว
แล้วจะทานอย่างไรจึงจะเหมาะสมล่ะ? เรื่องนี้ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ก็ได้แนะนำว่า ถ้าหากสะกดใจจากทุเรียนไม่ได้จริง ๆ ก็ควรทำตามนี้
* ลดอาหารมื้อหลักประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ให้น้อยลง
* หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มันจัด หวานจัด ในวันที่ทานทุเรียน
* ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินที่ได้จากการทานทุเรียน
เข้าสู่หน้าทุเรียนทีไร สาวกคนรักราชาผลไม้เป็นต้องน้ำลายสอกับกลิ่นหอม ๆ ของทุเรียน แต่พอนึกถึงตัวเลขแคลอรี่ในทุเรียนแล้ว ทำเอาหลายคนต้องแตะเบรก ห้ามใจตัวเองแทบไม่ทัน เพราะถ้าเผลอทานราชาผลไม้ไทยชนิดนี้มากเกินไปล่ะก็ ได้ความอ้วนแถมกลับมาด้วยชัวร์ ๆ
เอ้า...แต่ ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าเราทานอย่างระมัดระวัง นอกจากจะได้ฟินกับรสชาติของทุเรียนแบบไม่กลัวอ้วนแล้ว ยังได้สุขภาพดีมาด้วยนะ ตามมาเลย
ก่อนอื่นมาดูข้อมูลทางโภชนาการของทุเรียนกันก่อน ทุเรียน 2 เม็ดขนาดกลาง มีน้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 187 กิโลแคลอรี่ ให้ไขมัน 4.1 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม แคลเซียม 18 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม เหล็ก 1 มิลลิกรัม และวิตามินเอ 22 มิลลิกรัม
ทั้งนี้ ทุเรียน ยังมีประโยชน์ในด้านการฆ่าเชื้อ เพราะกำมะถันในเนื้อทุเรียนเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนองแห้ง มีฤทธิ์ขับพยาธิ กากใยในเนื้อเป็นยาระบาย ช่วยขับล้างลำไส้ ดังนั้น หากทานอย่างเหมาะสม ก็เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพได้เหมือนกัน แต่ถ้าทานมากเกินไป เช่น ทานครั้งละ 2-3 พู เท่ากับ 4-6 เม็ด หรือเกือบครึ่งลูก แบบนี้รับไปเต็ม ๆ 400 กิโลแคลอรี่ พอ ๆ กับทานข้าว 5 ทัพพี หรือดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋องเลยทีเดียว
แล้วจะทานอย่างไรจึงจะเหมาะสมล่ะ? เรื่องนี้ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ก็ได้แนะนำว่า ถ้าหากสะกดใจจากทุเรียนไม่ได้จริง ๆ ก็ควรทำตามนี้
* ลดอาหารมื้อหลักประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ให้น้อยลง
* หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มันจัด หวานจัด ในวันที่ทานทุเรียน
* ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินที่ได้จากการทานทุเรียน
นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า
ห้ามทานทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทุเรียนมีสารกำมะถันอยู่มาก ซึ่งเป็นสารที่ละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ สารนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็ว ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เกิดอาการร้อนในได้
ห้ามทานทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทุเรียนมีสารกำมะถันอยู่มาก ซึ่งเป็นสารที่ละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ สารนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็ว ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เกิดอาการร้อนในได้
การทานมังคุดตามทุเรียน ยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยแก้ร้อนในได้จริงหรือไม่ แต่สามารถทานได้ โดยเชื่อว่าคนรุ่นเก่าต้องการให้คนกินผลไม้หลากหลายชนิด
ผู้ป่วยโรคประจำตัว อย่าง เบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ต้องระวังการทานทุเรียน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยสามารถทานได้ แต่ต้องทานในปริมาณที่น้อยกว่าคนปกติ
และอย่างที่ทราบว่าทุเรียนมีกำมะถันสูง
กินเข้าไปทำให้ร้อนในได้ เลยมีวิธีแก้ร้อนในจากทุเรียนมาฝากคนชอบทานกันด้วย
ตามนี้เลย
** ทานอาหารธาตุเย็นลงไปเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น อาหารที่มีรสจืด เปรี้ยว และขม หรือผักผลไม้ที่มีน้ำมาก น้ำตาลต่ำ เช่น มะระ สะเดา แตงโม บวบ รากบัว มะนาว ส้ม มังคุด เป็นต้น
** ทานอาหารธาตุเย็นลงไปเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น อาหารที่มีรสจืด เปรี้ยว และขม หรือผักผลไม้ที่มีน้ำมาก น้ำตาลต่ำ เช่น มะระ สะเดา แตงโม บวบ รากบัว มะนาว ส้ม มังคุด เป็นต้น
** ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ หรือชงน้ำเกลือเจือจางดื่มสักแก้ว
** ทานผักสดให้มากขึ้น
** ทานผลไม้ที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม แตงล้าน หรือผลไม้รสเปรี้ยวหรือหวานอมเปรี้ยว เช่น ส้ม สับปะรด มะนาวให้มากขึ้น
** ดื่มน้ำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยแก้ร้อนใน เช่น น้ำเก๊กฮวย น้ำหล่อฮั่งก้วย น้ำรากบัว น้ำมะนาว น้ำใบบัวบก น้ำใบเตย เฉาก๊วย
ถ้ารู้จักกินทุเรียนแบบพอหอมปากหอมคอให้หายอยาก ก็ไม่ต้องกลัวว่าราชาผลไม้จะทำให้เราอ้วนได้แล้ว
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment