Tuesday, April 15, 2014

กินสู้โรคภูมิแพ้



          ทานผักและผลไม้หลากสีเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน กรดไขมันโอเมก้า -3 ต้านการอักเสบ มลภาวะเป็นพิษและความเครียดเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ฉะนั้น เราจึงต้องสู้กับโรคภูมิแพ้ด้วยอาหารธรรมชาติตามคำแนะนำของ คุณทีน่า โฮร์เรลล์ นักธรรมชาติบำบัดจากตรัยยาศูนย์สุขภาพองค์รวมและสปา

         
อาการของโรคภูมิแพ้ นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ อ่อนเพลียโดยไม่รู้สาเหตุ มีอาการคันแบบเป็นๆ หายๆ มีน้ำมูกไหลตอนเช้า จาม และคัดจมูก

         
อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน ผัก และผลไม้มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ในการช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงเพื่อมีแรงต่อสู้กับโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะการกินผักและผลไม้หลากสีสัน เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว หรือสีม่วง

 
          Tip: ควรกินข้าวกล้อง เพราะสีน้ำตาลหรือสีแดงที่เคลือบข้าวกล้องคือสารแอนตี้ออกซิแดนต์ชั้นยอด ส่วนข้าวขาวนั้นมีแต่แป้งและน้ำตาล

 
         
อาหารต้านการอักเสบ เมื่อเป็นโรคภูมิแพ้ก็จะมีการอักเสบภายใน อาหารที่จะช่วยรักษาอาการอักเสบก็คือปลาทะเลน้ำลึก (มีกรดไขมันโอเมก้า -3) ถั่ววอลนัต และถั่วเหลือง

 
         
ดีท็อกซ์ตับ ตับมีหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อตับแข็งแรงและทำงานได้ดีก็จะช่วยให้อวัยวะส่วนอื่นๆ ในร่างกายมีสุขภาพดีไปด้วย อาหารที่ช่วยตับขจัดสารพิษก็คือผักและผลไม้ที่มีรสขม เช่น มะระ ส้มโอ หน่อไม้ฝรั่ง

 
         
ภูมิแพ้อาหาร อาการภูมิแพ้ส่วนใหญ่มักเกิดจากอาหารที่กินแล้วเกิดการสะสมในร่างกายจนก่อ ให้เกิดโรคภูมิแพ้ เมื่อพบว่าแพ้อะไร ก็ให้หยุดกินอาหารที่แพ้เป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อให้ระบบต่างๆ ของร่างกายกลับสู่สมดุล

การป้องกันโรคภูมิแพ้

         **
ออกกำลังกายอย่างน้อยที่สุดสัปดาห์ละ 3 วัน และนั่งสมาธิ

         **
มีไลฟ์สไตล์ที่สมดุล นั่นคือนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่และกินอาหารที่มีประโยชน์

 
         
อาหารที่แนะนำก็คือ ผักและผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ข้อสำคัญ คือ ขณะกินอาหารให้มีสมาธิกับการกิน ไม่ใช่กินไปทำงานไป หรือกินไปเดินไป เพราะเมื่อเรากินไปทำงานไป เลือดก็จะไปเลี้ยงที่สมอง และออกซิเจนก็จะไปที่สมองทำให้กระเพาะอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ส่งผลให้ระบบ การย่อยมีปัญหา เพราะใช้พลังงานผิดที่ผิดทาง

         
การทำอาหารกินเองจะดีกับกระเพาะอาหาร เพราะขณะที่เตรียมทำอาหารก็เหมือนเปิดปุ่มสัญญาณให้มีการหลั่งน้ำย่อย เมื่อเราปรุงเสร็จแล้วกินก็จะทำให้มีการย่อยดี ซึ่งจะช่วยให้ระบบการย่อยมีความสมดุล

  
แหล่งที่มา  Lisa, http://health.kapook.com/view857.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment