Sunday, July 7, 2013

เคล็ดลับวิธีการตื่นนอนทันที โดยไม่เบลอ โดยไม่ง่วง





บางครั้งบางทีการตื่นนอนตอนเช้าๆ อาจจะเป็นยาขมของคนทำงานไม่น้อยใช่ไหมครับโดยเฉพาะคนที่เรียกตัวเองว่า "นกฮู" ซึ่งบางคนก็หาเหตุผลสารพัดสารพันมาอ้าง เช่น มันเช้าไป ยังไม่สว่างเลย เมื่อคืนนอนดึก เป็นต้น เพื่อที่จะได้นอนหลับต่อกันอย่างสบายใจ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจะเกิดอาการเช่นนี้

เพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับยังยอมรับเลยว่าการตื่นนอนตอนเช้าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องบริหารจัดการให้ลงตัวที่เป็นเช่นนี้ก้อเพราะว่าในแต่ละคืน คนเราจะมีวงจรการนอนหลับประมาณ 4 - 6 รอบ แต่ละรอบกินเวลาประมาณ 90 นาที และประกอบไปด้วย 4 ขั้น เริ่มจากขั้นที่ 1 คือ อาการเคลิ้มๆ ไปถึงการหลับลึก ซึ่งเป็นขั้นที่ 4 แล้วก้อย้อนกลับมารอบใหม่

และสิ่งที่ทำให้การตื่นนอนตอนเช้าเป็นเรื่องยาก ก้อคือ คุณต้องตื่นตอนที่กำลังหลับอยู่ในขั้นที่ 3 หรือ 4 ของการนอนรอบนั้นนั่นเอง

แต่ถ้าคุณสามารถกะเวลาให้ตื่นนอนในขณะที่กำลังนอนอยู่ในขั้นที่ 1 หรือ ขั้นที่ 2 ได้ (คือขั้นที่ยังไม่หลับลึก) ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น แต่ที่มันเป็นเรื่องยากก็ คือ คนส่วนมากมักจะหลับลึกในช่วง ตี 4 ถึง 6 โมงเช้า ซึ่งดันเป็นช่วงที่ต้องตื่นนอนนั่นเองครับ

เคล็ดลับวิธีในการตื่นนอนทันที
นอกจากการคิดคำนวณเวลาเพื่อให้ตื่นนอนในช่วงที่ร่างกายกำลังเคลิ้มๆ ยังมีเคล็ดลับอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณตื่นนอนตอนเช้าได้ง่ายขึ้นอีก ดังนี้

* ตั้งนาฬิกาปลุกตอนนาทีสุดท้ายที่จะต้องตื่น เพื่อคุณจะได้ไม่มีไวลานอนแช่อยู่บนเตียงจนหลับไปอีกรอบและจำไว้ว่า การกลับไปนอนต่อหลังจากนาฬิกาปลุกแล้วจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่มากขึ้น เพราะฉะนั้น จงลุกขึ้นมาเสียแต่โดยดี


* หลังจากลุกขึ้นมานั่ง ให้แกว่งขาไปมาอยู่ข้างๆ เตียงสักพัก ร่างกายจะได้ตื่นเต็มที่ หลังจากนั้นหายใจลึกๆ ยาวๆ 3 – 4 ครั้ง เพื่อปรับสภาพร่างกายให้กลับเข้ามาสู่โลกของความเป็นจริง



* เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการออกกำลังกาย เพื่อเติมพลังให้ร่างกายและจิตใจของคุณ แต่อย่าเลือกวิธีการออกกำลังกายที่จะทำให้คุณนอนหลับไปอีกรอบก้อแล้วกันนะครับ


นี่แหละครับ วิธีการตื่นนอนและความเข้าใจในเรื่องการนอนของคนเรา

ตัวผมเองนั้น โชคดีที่เป็นคนนอนน้อยมาแต่เด็ก แถมเวลาตื่นนอน ตื่นได้ทันที ไม่มีโยเย ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการตื่นนอนมากมายนัก

แต่สำหรับบางคนที่ตื่นนอนได้ยาก ทำให้ไปทำงานสายเสมอ ไม่ว่าจะลองวิธีไหนๆ มาแล้ว ก้อยังแก้นิสัยนี้ไม่ได้ ข้อมูลนี้เผื่อจะทำให้เราเข้าใจและหาวิธีได้ง่ายขึ้นครับ

                 หนังสือ HealthToday 
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment