เคล็ดลับฝึกเด็กให้รับมือกับความผิดหวังได้อย่างง่ายๆ
มีดังนี้
1) “ครอบครัวเข้มแข็ง" คือ ที่พักพิงใจที่สำคัญ ครอบครัวเป็นสถาบันหลักที่อบรมเลี้ยงดูเด็กให้เจริญ
เติบโตทั้งด้านร่างกาย สติปัญญาและเป็นที่พึ่งทางจิตใจที่สำคัญที่สุด
เมื่อเด็กเจอความผิดหวัง หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ คือ
ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็น เช่น ร้องไห้พร้อมกับลูก
เพราะยิ่งจะทำให้เด็กเสียขวัญและรู้สึกเสียใจที่คุณพ่อคุณแม่ต้องมาเสียน้ำตา
2) “ภาษากาย” ความรักและความอบอุ่นที่เด็กสัมผัสได้
เมื่อเด็กเกิดความรู้สึกผิดหวัง
ทำให้ไม่พร้อมที่จะรับฟังคำพูดปลอบประโลมหรือคำอธิบายต่างๆ
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงหรือพูดให้น้อยที่สุด
แล้วหันมาใช้ภาษากายเพื่อแสดงการปลอบโยนและเข้าใจถึงความรู้สึกที่เด็กมี อาทิ
การกอด เอามือตบไหล่ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เด็กรู้สึกว่าให้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม
คุณพ่อคุณแม่ก็ยังรักและเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ
3) “ไม่ซ้ำ – ไม่ย้ำ – ไม่ตำหนิ” นอก
จากคำตำหนิแล้ว คำต้องห้ามที่ไม่ควรพูดให้เด็กได้ยิน เช่น น่าเสียดาย
เพราะจะยิ่งไปซ้ำเติมภาวะจิตใจที่แย่อยู่แล้วให้หนักเข้าไปอีก
4) “เป็นผู้รับฟังที่ดี” พยายามกระตุ้นให้เด็กได้เล่าหรืออธิบายถึงสิ่งที่ยังติดค้างในใจ
เพื่อเป็นการระบายความรู้สึกที่ไม่สบายใจออกมา นอกจากนี้
คุณพ่อคุณแม่อาจถามในประเด็นที่สำคัญและรับฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
เพราะเพียงแค่ได้เล่าออกมาให้ใครสักคนฟัง เด็กก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น
5) “เบี่ยงเบนความสนใจจากอดีต ด้วยกิจกรรมใหม่ๆ ที่ทำอยู่ในปัจจุบัน”บาง
ครั้งเด็กกังวลและยังจดจ่ออยู่กับความผิดหวังในอดีตที่ผ่านไปแล้ว
คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและแนะนำโดยให้มองไปยังเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นใน อนาคตแทน
6) “ความพ่ายแพ้และความผิดหวัง” คือ
เครื่องเตือนใจให้เราอย่าหยุดพัฒนาตัวเอง”คุณ
พ่อคุณแม่ควรใช้เวลาอยู่กับเด็ก โดยเน้นพูดคุยถึงเรื่องดีๆ ในวันข้างหน้า เช่น
อนาคตอยากทำอะไร รู้สึกอย่างไรถ้าวันหนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิต
ได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานาน หรือให้เล่าประสบการณ์ดีๆ
ที่ประทับใจเพื่อลดความรู้สึกในด้านลบของเด็ก
7) “ค้นหาเด็กเก่งคนใหม่... ที่ซ่อนอยู่ในลูกคนเดิม” คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลดความกังวลให้กับเด็กได้
ด้วยการดึงความสามารถด้านอื่นๆ ที่เด็กมีอยู่ออกมาอีก
ซึ่งจะช่วยทำให้ลูกมีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาความสามารถนั้นมาทดแทนได้
การเลี้ยงลูกในยุคที่มีการแข่งขันสูง
คุณพ่อคุณแม่รุ่นใหม่จึงต้องสร้าง “ต้นทุนชีวิตและภูมิคุ้มกันทางจิตใจ” ให้ลูก
ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเททั้งความรักและความปรารถนาดี
เปิดใจรับฟังและทำความเข้าใจในสิ่งที่ลูกพูด เพื่อหล่อหลอมให้ลูกๆ
ได้เจริญเติบโตและเริ่มต้นตั้งหลักชีวิตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต..!!
คัดบทความบางส่วนจาก
พญ.โสรยา ชัชวาลานนท์
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
รพ.เด็ก
สมิติเวชศรีนครินทร์
เดลินิวส์
No comments:
Post a Comment